คุณเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ไหม? ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเชื่อเลยและไม่เคยคิดว่าคนอย่างผมต้องมารอคอยความหวังจากปาฏิหาริย์แบบนี้ ผมในวัย 65 เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทั้งสภาพร่างกายที่แข็งแรงและความคล่องแคล่วว่องไวกลับคืนสู่ผมทั้งหมด เหมือนกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งเลยก็ว่าได้ครับ

บอกก่อนเลยว่าร่างกายผมก่อนหน้านี้ คุณได้ฟังแล้วจะอึ้งแน่นอน ผมชื่อ เอกภพ ย้ายถิ่นตามพี่ชายมาทำงานแถวนวนคร จังหวัดปทุมธานี ผมเริ่มทำงานอาชีพแรกในฐานะหนุ่มประจำโรงงานพัดลม ตำแหน่งประกอบใบพัดที่ต้องใช้ขายืนตลอดทั้งวันมาตลอด 35 ปี

แรกๆ มันก็ดีอยู่หรอก แต่หลังจากผมใช้ชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่อายุ 15 จนย่างเข้าสู่อายุปีที่ 50 เริ่มมีอาการปวดเวลายืนนานๆ กระดูกดังก๊อบแกร๊บตลอด บางทีปวดมากจนแทบทนไม่ได้ ต้องลางานเพื่อนอนพักขาสักวันสองวัน เสียรายได้ไปโดยใช่เหตุ

จนผมยอมรับได้ว่าร่างกายผมไม่แข็งแรงเหมือนสมัยเป็นหนุ่มวัยรุ่นคนนั้น การยืนทั้งวันติดต่อกันหลายชั่วโมงต่อไปไม่สามารถเกิดขึ้นได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจลาออกจากโรงงานและย้ายกลับมาอยู่บ้านที่ขอนแก่นกับภรรยาตั้งแต่บัดนั้น

อาการป่วยเรื้อรังกับชีวิตแห่งการดิ้นรนเอาตัวรอด

แต่ก็ใช่ว่าผมกลับมาขอนแก่นแล้วจะหยุดอยู่บ้านนอนอยู่เฉยๆ นะครับ คุณคิดว่าถ้าผมอยู่บ้านอย่างเดียวแล้วครอบครัวจะเอาเงินที่ไหนกิน เอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายล่ะ ผมในฐานะหัวหน้าครอบครัว แม้จะมีอาการปวดตามข้อตามกระดูกอยู่เป็นระยะก็ต้องสู้ หาเงินมาเลี้ยงปากท้องกันต่อไป

ผมพยายามขวนขวายหางานที่มันไม่ต้องถูกบังคับให้ยืนตลอดเวลาเหมือนสมัยก่อน จึงไปสมัครงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้านคนมีเงินที่สร้างใหม่ในย่านนั้น การเดินเท้ามาทำงานจึงเป็นทางเลือกสำคัญ ผมใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีต่อการเดินทางมาทำงานถึงหมู่บ้านแห่งนี้ เพราะระยะทางจากบ้านกับที่ทำงานห่างกันแค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้น

เริ่มทำงานไปได้สักพักมันไม่เหมือนที่ผมคิดฝันไว้ งานนี้เป็นงานหนักและใช้พลังกำลังทางกายมากกว่าเดิมซะอีก เนื่องจากผมประจำอยู่กะกลางคืน ต้องยืนประจำป้อมยามประตูเข้า-ออก คอยเดินหรือปั่นจักรยานตรวจตราประจำวันรอบหมู่บ้านคืนละ 2 ครั้ง เวลา 22.30 น. และ 03.30 น. บางวันก็ต้องวิ่งจับคนร้ายไปด้วย

ร่างกายผมเริ่มรับไม่ไหว มันไม่ใช่เพียงแค่เหนื่อยอย่างเดียว แต่เวลาการใช้ชีวิตผมก็กลับตาลปัตรตามไปด้วย นอนไม่เป็นเวลา ยืนตัวตรงนาน ลุกๆ ย่อๆ ตลอด 12 ชั่วโมงการทำงาน โดยเฉพาะอาการเจ็บบริเวณข้อเข่ามันทวีคูณความปวดขึ้นจากเดิมมาก ยิ่งอายุเยอะแล้วก็ปรับสภาพไม่ได้ เหมือนผมมีเวลาพักผ่อนไม่เต็มที่ มาทำงานแต่ละครั้ง ไม่เคยรู้สึกว่านอนเพียงพอเลย

ไม่เพียงแต่สภาพร่างกายเท่านั้นนะที่แย่ลง ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับภรรยาก็แย่ลงตามไปด้วย เธอใช้ชีวิตเวลากลางวันแบบคนปกติในการทำนู่นทำนี่ ชวนเพื่อนมาบ้านบ้างล่ะ ทำขนมขายบ้างล่ะ หรือคนแวะเวียนผ่านไปผ่านมาเอาอาหารมาให้ตามประสาคนต่างจังหวัดนั่นแหละ แต่ในทางกลับกัน ผมต้องใช้ช่วงเวลากลางวันสำหรับการนอนหลับพักผ่อนให้ร่างกายตัวเองมีแรงไปทำงานต่อในเวลากลางคืน การทะเลาะกันเรื่องการใช้เสียงจึงเกิดขึ้นตามมา

จนมีอยู่วันหนึ่งที่อาการทุกอย่างก็ถาโถมมาใส่ผมแบบตู้มเดียว วันนั้นเป็นวันหยุดงาน ผมตื่นมาช่วงเที่ยงด้วยอาการปวดจี๊ดและเสียวมากตรงหัวเข่าด้านขวา จะเหยียดขาตรงก็ทำไม่ได้ ตึงไปหมด พอฝืนจะยืดขาออกไปเสียงเสียดสีออกจากข้อกระดูกดังสนั่น ผมร้องเสียงหลงเลยเพราะปวดมาก ปวดจนทนไม่ไหว ภรรยาถึงรีบวิ่งมาดูตอนที่ผมตะโกนร้องเสียงดังนั่นแหละ แล้วถึงไปเรียกเพื่อนบ้านข้างๆ มาแบกผมให้นอนหลังรถกระบะไปโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล

ไปถึงหมอก็พาผมไปเอกซเรย์ก่อนเลย ผมได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการจากปากคุณหมอว่า ป่วยเป็นโรคข้อเข่าอักเสบระยะร้ายแรง จากภาวะการสึกหรอและเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อน ด้วยสาเหตุการใช้งานขาและหัวเข่าหนักเกินไปมาอย่างยาวนาน พร้อมกับน้ำหนักตัวของผมที่มากกว่าปกติด้วย

แต่การรักษาที่ผมได้รับจากคุณหมอในโรงพยาบาลนี้ก็เป็นแบบสามัญทั่วไป มีเพียงแค่ยาแก้ปวดชนิดทานกับชนิดทาเท่านั้น ผมนอนดูอาการอยู่เกือบสัปดาห์ แต่หมอก็ไม่ได้ทำอะไรกับร่างกายผมมากไปกว่านี้เลย เสียเงินค่ารักษาทุกวันแต่การดูแลไม่ได้ช่วยอะไรผมแม้แต่น้อย ผมจึงตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแทน โดยใช้ไม้เท้าพยุงตัวต่อการเดินไปไหนมาไหนตั้งแต่นั้น ผมต้องปลดเกษียณตัวเองก่อนวัยอันควรด้วยซ้ำ เพราะพิษร้ายจากอาการป่วยของโรคข้อต่ออักเสบกับภาวะกระดูกพรุนเรื้อรัง ทำให้ประสบกับการปวดตามข้อจนยืนทำงานต่อไปไม่ไหว อาชีพรปภ.ของผมก็สิ้นสุดลงในวัย 55 ปี

ผมพยายามบำรุงและฟื้นสภาพข้อต่อกับกระดูกอยู่เสมอเท่าที่จะทำได้ แต่หลังจากนั้นสองปีเกิดเหตุการณ์หกล้มในห้องน้ำ เนื่องจากอยู่ดีๆ ขาผมอ่อนแรงและหน้ามืดล้มลงไป ตื่นมาอีกทีก็แอดมิดนอนอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมกับข่าวร้ายที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ผมถอดใจไปแล้วว่าคงไม่มีวันที่จะกลับมาเป็นคนปกติที่เดินเหินไปไหนอย่างแข็งแรงอีกครั้งได้

ผมกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงนับตั้งแต่นั้น ด้วยอาการของอัมพฤกษ์ครึ่งตัวด้านล่าง แม้อวัยวะร่างกายด้านบน ทั้งแขน มือ หรือใบหน้ายังขยับได้ปกติ กินข้าวและช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่เวลาอยากจะไปไหนหรือแม้แต่ตอนอยากจะเข้าห้องน้ำก็ต้องพึ่งพาคนอื่น

ขาผมไม่สามารถขยับและเดินได้อีกเลย ผมคิดแล้วว่านับแต่นี้ต่อไปต้องเป็นภาระของภรรยาแน่ๆ ผมสงสารเธอ เธอไม่จำเป็นต้องมาอุทิศเวลาของตัวเองทั้งชีวิต เพื่อทำตัวติดหนึบดูแลผู้ป่วยอย่างผม

8 ปีแห่งความทรมาน

ตั้งแต่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงและต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์เวลาไปไหนมาไหน จากที่เคยมีเงินเก็บสะสมมากมาย ต้องเสียค่าใช้จ่ายหมดไปกับการรักษารายเดือน อาหารเสริม แพมเพิร์ส หรืออุปกรณ์ทำแผลจากการกดทับทั้งหลาย แต่วิธีการรักษาแบบเดิมจากคุณหมอนั้น กลับเลี้ยงไข้ให้อาการป่วยของผมมีแต่คงที่กับแย่ลงเท่านั้น ไม่มีคำว่าดีขึ้นเลยตลอดการบำบัดดูแล

ผมขอเล่าถึงกระบวนการรักษาตลอดระยะเวลา 8 ปีนั้นให้ฟังหน่อยแล้วกัน หมอประจำตัวก็นัดผมทุกเดือนสำหรับติดตามอาการ แจกยาเป็นประจำทุกเดือน ผมก็ได้รับแต่ยาตัวเดิมๆ ตลอด ไม่ได้มีการเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนชนิดหรือปริมาณของยาเลย กายภาพบำบัดทุก 3 เดือน แต่สภาพร่างกายผมก็ไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย

การทำงานของกระดูกข้อต่อและกระดูกบริเวณใกล้ข้อ สภาพเปลี่ยนแปลงจนไม่สามารถกลับสู่ทรงเดิมได้อีก รูปร่างเริ่มบิดเบี้ยว โก่งงอ และปูดบวมออกมา ถือว่าความเสื่อมของกระดูกอ่อนและข้อต่อกลับทวีความรุนแรงจากเดิมมาก พอเวลาผ่านไป อาการของโรคกระดูกกับข้อต่อของผมมีแต่ยิ่งแย่ลง เหมือนกับว่ารักษามานาน ร่างกายมันชินชากับยาชนิดนั้นไปแล้ว ช่วยได้บ้างช่วยไม่ได้บ้าง ผมปวดข้อเข่ามากจนทนไม่ได้ กินยาไปก็ไม่ได้บรรเทาอาการเหล่านี้อีกแล้ว มีหนทางเดียว คือ ต้องฉีดยาแก้ปวดโดยตรงเข้ากระแสเลือด เพื่อเยียวยาอาการปวดนี้

มีอีกหนึ่งวิธีที่คุณหมอคะยั้นคะยอผมตลอด 8 ปีที่ผ่านมานี้ คือ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เป็นการผ่าตัดเปลี่ยนเฉพาะผิวของกระดูกทั้ง 3 ส่วนที่ประกอบกันเป็นข้อเข่า ได้แก่ กระดูกส่วนต้นขา หน้าแข้ง และสะบ้า โดยหมอจะตัดส่วนของผิวข้อที่สึกหรอหรืออักเสบออกไป แล้วจึงใส่ข้อเทียมด้านกระดูกต้นขา แต่เนื่องด้วย สาเหตุทางการเงินทำให้ผมต้องคิดการณ์ไกลให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ครอบครัวก่อน และยอมให้ตัวเองทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเจ็บปวดของโรคนี้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผมป่วยก็ไม่มีรายได้เข้ามาเจือจุนเกื้อหนุนในบ้านแบบเสมอต้นเสมอปลายอีกเลย

ค้นพบการรักษาแบบใหม่ ชุบชีวิตไปตลอดกาล

จนมีอยู่วันหนึ่งเพื่อนร่วมกะขณะที่ผมทำงานเป็นรปภ.มาเยี่ยมเยียนดูอาการ ซึ่งเราทั้งคู่แทบไม่ได้เจอกันเลย หลังจากผมมีเหตุจำเป็นต้องลาออกจากงานแบบกะทันหัน ด้วยอาการป่วยครั้งนั้น เพื่อมารักษาตัวเองเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่พาหมอท่านหนึ่งมาด้วย

คุณหมอเดวิด เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านการวิจัยกระดูกและข้อต่อ แม้อายุยังน้อยอยู่ แต่ดูเก่งมากและเชี่ยวชาญทางด้านนี้แบบสุดๆ ท่านแนะนำตัวว่าเป็นแพทย์ผู้ประจำอยู่ในสถาบันกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อแห่งหนึ่งของประเทศฟิลิปปินส์ แต่ตอนนี้กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับวิธีการบำบัดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรคกระดูกพรุนให้หายขาด โดยไม่ต้องเสียเงินมากหรือเข้ารับการผ่าตัดที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงกับชีวิตของผู้ป่วยได้

ท่านจึงเลือกมาเก็บข้อมูลการทำวิจัยในประเทศไทย ท่านตระเวนไปทั่วทั้งประเทศ เพื่อหาผู้ป่วยที่มีอาการหนัก เจ็บปวดมาก หรือเดินไม่ได้แล้วเช่นผม เพื่อมาพิสูจน์หนทางการรักษาที่จะทำให้เขาก้าวหน้าไปในวงการวิชาชีพแพทย์ระดับโลก

ท่านขอให้ผมเล่าเรื่องราว สาเหตุ วิธีการรักษาแบบเก่า และการใช้ชีวิตตลอด 63 ปีที่ผ่านมาให้ฟัง ก่อนจะถามไถ่ถึงอาการเจ็บปวดเรื้อรังและอาสาที่จะดูแลสภาพร่างกายกับกระดูกของผมต่อให้อย่างดีที่สุด โดยท่าน ยืนยันให้เลยว่าไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากอย่างแน่นอน

ผมรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว เพราะคำว่าเสียเงินไม่มากนี่แหละครับ แล้วชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วด้วย ดีกว่าผลาญเงินไปเฉยๆ นอนรอวันตายไปวันๆ สงสารภรรยาครับ แล้วผมก็รู้สึกถูกชะตากับคุณหมอท่านนี้มาก จึงตัดสินใจเริ่มต้นการรักษารูปแบบใหม่ ด้วยความสมัครใจที่ยินยอมให้ท่านได้บำบัดดูแลอาการเจ็บป่วยโรคนี้ของผมให้หายขาดไปในฐานะผู้ป่วยคนสำคัญของการวิจัยนี้

กระบวนการรักษาหนทางใหม่ 3 ระยะ

คุณหมอเดวิดแนะนำให้ผมทาน Fortamin เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดแท้จากธรรมชาติ ปราศจากสิ่งตกค้างคงอยู่ในร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก รับประทานพร้อมมื้ออาหารวันละ 2 แคปซูลต่อวัน ถือเป็นขั้นตอนแรกเริ่มที่สำคัญที่สุดของขั้นตอนการรักษา

โดยผลิตภัณฑ์ Fortamin เต็มไปด้วยส่วนประกอบหลักที่ช่วยเสริมสร้างสภาพการทำงานของข้อต่อและกระดูก ไม่ว่าจะเป็นอัลฟาโทโคฟีรอล ไฮโปพลาซิซ แคลเซียม กลูโคซามิน และคอนโดรอิติน ต่างเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูความเสื่อมจากภาวะโรคที่เกี่ยวกับกระดูกกับไขข้อเหล่านั้นให้หายเป็นปลิดทิ้ง

คุณหมอชี้แจงให้ฟังต่อว่าวิธีการรักษาหลักๆ ด้วยการรับประทาน Fortamin นั้น จะมีอยู่ 3 ระยะด้วยกัน ซึ่งสามารถผันเปลี่ยนและฟื้นคืนสภาพกระดูกกับข้อต่อให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้

1) ระยะที่หนึ่ง การทำความสะอาดน้ำในไขข้อกระดูก เปรียบเสมือนเป็นการปรับปรุงระบบน้ำเหลืองที่เสียหายและสกปรกจากการใช้งานมาอย่างยาวนานให้ฟื้นฟูตนเอง กลับมาสะอาดอีกครั้ง เพิ่มระดับความต้านทานต่อการอักเสบหรือเจ็บปวดจากโรคที่ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของกระดูกและข้อต่อ

2) ระยะที่สอง การรักษาระดับความสมดุลของจำนวนน้ำในข้อต่อ เป็นช่วงที่น้ำเหลืองในไขข้อกลับมาสะอาดแล้ว จึงต้องทานผลิตภัณฑ์นี้ต่อไปเพื่อปรับระดับน้ำให้เท่ากันทั้งสองข้าง โดยจากนั้นจะเริ่มเข้าไปสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก ลดความเปราะบางของข้อต่อ เพิ่มความหนาชดเชยเนื้อเยื่อส่วนสึกหรอ บรรเทาอาการปวด บวม อักเสบให้หายไป

3) ระยะที่สาม เติมปริมาณแคลเซียมและคอนโดรอิตินสู่ร่างกาย ระยะนี้ร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว อาการเจ็บปวดจะหายไปโดยสิ้นเชิง แต่ต้องทาน Fortamin ต่อไปอีกสักระยะ เพื่อให้ระบบการทำงานภายในร่างกายทำงานอย่างมีเสถียรภาพ ไม่กลับมามีอาการอีกอย่างแน่นอน

ผลลัพธ์เกินคาด หายขาดเป็นปลิดทิ้ง

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อแหละครับ จากผู้ป่วยอัมพฤกษ์นอนติดเตียง เดินไม่ได้ เจ็บปวดตลอดเวลาที่หายใจ อาการปวดเหล่านั้นหายขาดไปจากชีวิตผมด้วยระยะเวลาทั้งสิ้น 2 ปี

จริงๆ ร่างกายเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วง 3 เดือนแรกแล้วครับ คุณหมอเดวิดเสนอว่าให้ทาน Fortamin ควบคู่ไปกับการทำกายภาพบำบัด จัดแจงตารางรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะส่งผลเสียต่อข้อต่อและกระดูก

พอผ่านช่วง 6 เดือนแรกไป ขาผมเริ่มมีแรงมากขึ้น เริ่มมีความรู้สึกที่ขา งอเข่าและขยับนิ้วเท้าได้แล้ว อาการปวดลดลงไปมาก อาจจะมีปวดมาบ้างเดือนละครั้ง จากสภาวะภายในร่างกายที่ยังปรับเปลี่ยนสมดุลยภาพของระบบภูมิคุ้มกันได้ไม่คงที่นัก

ผ่านการรักษาไปประมาณ 1 ปี โรคข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรงและภาวะกระดูกพรุนอักเสบผันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ผมกลับมายืน เดิน วิ่งได้เหมือนสมัยเป็นหนุ่มอีกครั้ง โดยไม่มีท่าทีว่าจะเจ็บปวดอีกเลย ด้วยผลงานการวิจัยที่เห็นผลของ Fortamin ผมเลยสรรหาวิธีการที่ยั่งยืนสำหรับร่างกายตัวเองให้แข็งแรงต่อไป

ตอนนี้ผมเลยหันมาออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งผมเลือกการปั่นจักรยานที่ผมติดใจมาตั้งแต่ตอนที่เป็นรปภ. แล้วต้องขี่จักรยานตรวจดูความเรียบร้อยภายในหมู่บ้านให้กลายมาเป็นงานอดิเรกของชีวิต พอผ่านพ้นระยะเวลาขั้นตอนการรักษาหายอย่างถาวรและยั่งยืนตลอด 2 ปีนั้น ผมเหมือนได้ปลดล็อคร่างกายใหม่ที่แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากผมกับภรรยาไม่มีลูกด้วยกัน เราเลยไม่ต้องห่วงใครและมีอิสระในการใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเต็มที่ หลังจากนี้ผมจึงขอใช้เวลาชีวิตที่เหลืออยู่ไปกับการท่องเที่ยวทั่วประเทศเก็บเกี่ยวความสุขร่วมกันไปกับคุณภรรยาครับ

เราตะลอนท่องเที่ยวไปทั่วทั้งประเทศครับ แรกๆ เริ่มจากระยะทางใกล้ๆ ปั่นเที่ยวในจังหวัดตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังก่อน จากนั้นก็เริ่มข้ามไปจังหวัดข้างเคียง ตอนนี้ข้ามภูมิภาคแล้วครับ แบกเตนท์เอย สัมภาระเอย เที่ยวแบบค่ำไหนนอนนั่น เป็นชีวิตแบบที่ผมไม่เคยคิดฝันถึงว่าจะมีได้เลยครับ

กลายเป็นคนที่เผชิญหน้าอยู่กับความสุขทางกายจากการมีสุขภาพแข็งแรง เดินเหินไปไหนสะดวก พร้อมลุย ความสุขทางใจจากการมีภรรยาร่วมสู้ชีวิตไปกับเราทุกหนทุกแห่ง สิ่งเหล่านี้รวมกันก่อเกิดเป็นความสุขของบั้นปลายชีวิตที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนมาทดแทนได้อีกแล้วครับ ดังนั้น จงหนีออกมาจากอาการเจ็บป่วยอันแสนเลวร้ายของคุณ ออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของคุณซะ มันอาจจะใช้ระยะเวลาสักหน่อย แต่เมื่อคุณย้อนกลับมาดูจะรู้สึกคุ้มค่าและจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจกับทางเลือกการรักษาสุขภาพนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

สำหรับใครที่ประสบปัญหาเรื้อรังด้านกระดูกและข้อต่อแบบเดียวกับผม แล้วอยากจะได้รับการดูแลรักษาโดยตรง ด้วยวิธีการรักษาของคุณหมอก่อเกียรติ สามารถกรอกชื่อ-นามสกุลและเบอร์โทรตามแบบฟอร์มด้านล่าง เพื่อเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพติดต่อกลับนะครับ

โดยหากกรอกข้อมูลด้านล่าง จะได้รับส่วนลดหรือราคาโปรโมชั่นของผลิตภัณฑ์ Fortamin เมื่อผมเป็นหนึ่งในผู้ใช้งานที่เห็นผลอย่างชัดเจน แล้วร่างกายเปลี่ยนแปลงกลายเป็นคนแข็งแรงไปได้มากขนาดนี้ ผมก็อยากส่งต่อสิ่งดีๆ ให้แก่พวกคุณทุกคนเหมือนกัน กลับมามีสุขภาพที่ดีกันนะครับ!

FDA: 11-1-18157-1-0027

มีส่วนร่วมในเกม

• ติดต่อเรา

ควาคิดเห็น

มีส่วนร่วมในเกม